แบบเรียนหนังสือภาษาพาที

‘ตรีนุช’ สั่ง สพฐ.ทบทวนแบบเรียนหนังสือภาษาพาที

จากกรณีที่สังคมได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์แบบเรียนหนังสือภาษาพาที ระดับชั้น ป.5 ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ซึ่งมีเนื้อหาว่า กินไข่ต้มครึ่งซีก เหยาะน้ำปลา หรือ ข้าวเปล่าคลุกน้ำผัดผักบุ้ง ทำให้ตัวละครในหนังสือมีความสุข ถือเป็นการพอเพียง เห็นคุณค่าของชีวิต ทำให้สังคมตั้งคำถาม ถึงโภชนาการของเด็ก และการมองโลกอย่างโรแมนติกมากเกินไป

ขณะที่ สพฐ. ออกมาชี้แจงเรื่องดังกล่าว โดยระบุว่า เนื้อหาหนังสือเน้นสอนเด็ก ความสุขอยู่ที่ใจ ไม่ใช่สิ่งของ คิดดี ทำดี ผู้โพสต์ตีความคลาดเคลื่อน บิดเบือนสาระ ทำให้เกิดการดูหมิ่น เกลียดชัง และขอให้ผู้อ่าน ควรมีวิจารณญาณแยกแยะนั้น

เมื่อวันที่ 24 เมษายน น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า ศธ.ยินดีรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน และ ตนได้มอบหมายให้ สพฐ.ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับแบบเรียนดังกล่าว และนำเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาแบบเรียนในอนาคตให้ได้แบบเรียนที่มีคุณภาพ ทั้งนี้ ตนในฐานะรัฐมนตรีว่าการ ศธ.ได้ให้ความสำคัญกับการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา และภาวะทุพโภชาการในเด็ก จึงได้ผลักดันให้เพิ่มงบประมาณที่เกี่ยวกับการศึกษาของเด็ก เยาวชน และนโยบายด้านต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง

ซึ่งรัฐบาลเห็นความสำคัญเรื่องโภชนาการที่ดีของเด็ก จึงได้อนุมัติให้เพิ่มงบประมาณค่าอาหารกลางวันของนักเรียนตั้งแต่ชั้นเด็กเล็ก ถึง ประถมศึกษาปีที่ 6 ทั่วประเทศ จากที่ได้รับ 21 บาทต่อคนต่อวัน เป็นปรับเพิ่มให้ตามขนาดของโรงเรียน โดยโรงเรียนขนาดเล็กได้ปรับเพิ่มสูงสุดที่ 36 บาทต่อคนต่อวัน และได้เริ่มจัดสรรงบประมาณลงไปแล้ว โดยตนได้เน้นย้ำไปว่าโรงเรียนต้องจัดอาหารให้เด็กได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน มีสุขภาพกายที่พร้อมต่อการเรียนรู้

น.ส.ตรีนุช เทียนทอง

น.ส.ตรีนุชกล่าวต่อว่า รัฐบาลเข้าใจภาระค่าครองชีพของประชาชนที่สูงขึ้น จึงได้เพิ่มเงินงบประมาณการจัดการศึกษา ในส่วนของเงินอุดหนุนรายหัวการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อแบ่งเบาภาระของประชาชน โดยจัดงบประมาณส่งตรงถึงโรงเรียน เพื่อสนับสนุนค่าจัดการเรียนการสอน ค่ากิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียน และโรงเรียนส่งเงินส่วนหนึ่งให้ผู้ปกครองนักเรียนซื้อเครื่องแบบนักเรียน และค่าอุปกรณ์การเรียนด้วยตนเอง ทำให้ในภาพรวมมีงบประมาณรายหัวเพื่อการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 8,000 ล้านบาท

พร้อมกันนี้มีการยกระดับคุณภาพการอาชีวศึกษาให้ตอบโจทย์ความต้องการกำลังคนของประเทศ มีการพัฒนาคนทุกช่วงวัย ทั้งกลุ่มที่อยู่ในและนอกระบบโรงเรียน กลุ่มเปราะบางให้สามารถได้เรียนและมีอาชีพติดตัว รวมถึงลดภาระงานครู ลดการประเมินต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสอนของครูให้มากขึ้น

“ตั้งแต่ดิฉันเข้ารับตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการ ศธ.มาได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างโอกาสทางการศึกษามาอย่างต่อเนื่อง การดำเนินงานของ ศธ.ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาก็ประสบผลสำเร็จและได้รับการชื่นชมจากนานาชาติ สามารถพาเด็กตกหล่นและหลุดออกจากระบบการศึกษาให้กลับเข้ามามีโอกาสเรียนอีกครั้ง ซึ่งล่าสุดมีเด็กที่หลุดออกจากระบบกลับเข้ามาเรียนมากถึง 79,318 คน และถึงแม้สถานการณ์จะคลี่คลายลงแล้ว แต่ ศธ.ก็ยังดำเนินการติดตามเด็กที่ยังไม่กลับมาให้กลับเข้าสู่ระบบอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังได้ผลักดันนโยบายความปลอดภัยในสถานศึกษา ให้ทั้งส่วนกลางและทุกสถานศึกษาตื่นตัวมีความตระหนักถึงความสำคัญ ซึ่งผลงานที่ปรากฏออกมาก็ช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาได้จริง” น.ส.ตรีนุชกล่าว

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ pescovegtimes.com

แทงบอล

Releated